อันตรายจากแป้งเด็ก

อันตรายจากแป้งเด็กที่คุณควรรู้

แป้งเด็กที่ทำจาก “ทัลคัม” (Talcum) อาจปนเปื้อน “แร่ใยหิน” (Asbestos) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง การสูดดมเข้าไปในปริมาณมากหรือสะสมเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดและมะเร็งรังไข่ แม้ปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายจะหันมาใช้แป้งข้าวโพดแทน แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวัง

“ฝุ่นละออง” จิ๋ว ภัยร้ายต่อระบบทางเดินหายใจ

อนุภาคเล็กๆ ของแป้งเด็กสามารถฟุ้งกระจายในอากาศได้ง่าย เมื่อสูดดมเข้าไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ปอดและทางเดินหายใจยังพัฒนาไม่เต็มที่ ในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้

“การอุดตัน” ปัญหาผิวหนังที่มองข้ามไม่ได้

การใช้แป้งเด็กในปริมาณมากเกินไป หรือใช้ในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน นำไปสู่ปัญหาผิวหนังต่างๆ เช่น ผดผื่นคัน สิว หรือการระคายเคือง บริเวณอับชื้น เช่น ข้อพับ หรือบริเวณอวัยวะเพศ ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย

“สารเคมี” ที่ซ่อนเร้นในแป้งเด็ก

แป้งเด็กบางชนิดอาจมีส่วนผสมของน้ำหอม หรือสารเคมีอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองในเด็กที่มีผิวบอบบาง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม และสารเคมีอันตราย

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย
  • หลีกเลี่ยงการใช้แป้งเด็กในเด็กเล็กและทารก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และบริเวณใกล้กับทางเดินหายใจ
  • หากจำเป็นต้องใช้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งข้าวโพด หรือแป้งธรรมชาติอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า
  • ใช้ในปริมาณที่น้อย และหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก
  • หลีกเลี่ยงการสูดดมแป้งเด็ก โดยเฉพาะในห้องที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
  • หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังใช้แป้งเด็ก ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

เลือกแป้งเด็กอย่างไรให้ปลอดภัย

  1. หลีกเลี่ยง “ทัลคัม” สารก่อมะเร็งที่ต้องระวัง ตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียด แป้งเด็กที่ทำจาก “ทัลคัม” (Talcum) อาจปนเปื้อน “แร่ใยหิน” (Asbestos) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่อันตรายต่อสุขภาพ เลือกแป้งข้าวโพด มองหาแป้งเด็กที่ทำจาก “แป้งข้าวโพด” (Cornstarch) หรือแป้งธรรมชาติอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า
  2. “ไฮโปอัลเลอร์เจนิก” ทางเลือกสำหรับผิวแพ้ง่าย มองหาสัญลักษณ์รับรอง เลือกแป้งเด็กที่ผ่านการทดสอบ “ไฮโปอัลเลอร์เจนิก” (Hypoallergenic) ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่า ปราศจากสารเคมีอันตราย เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม สารกันเสีย พาราเบน และสารเคมีอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  3. “เนื้อแป้ง” สัมผัสที่อ่อนโยนต่อผิว เนื้อแป้งละเอียด เลือกแป้งเด็กที่มีเนื้อละเอียด เนียนนุ่ม ไม่หยาบกระด้าง เพื่อลดการเสียดสีและการระคายเคืองผิว ซึมซับความชื้น เลือกแป้งเด็กที่มีคุณสมบัติในการซึมซับความชื้นได้ดี เพื่อป้องกันผดผื่นและการอับชื้น
  4. “กลิ่นหอม” อ่อนโยนจากธรรมชาติ กลิ่นหอมอ่อนๆ เลือกแป้งเด็กที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ หรือปราศจากน้ำหอม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพ้ หลีกเลี่ยงน้ำหอมสังเคราะห์ หลีกเลี่ยงแป้งเด็กที่มีน้ำหอมสังเคราะห์ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในเด็กที่มีผิวบอบบาง
  5. “วิธีการใช้” ที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย ใช้ในปริมาณน้อย ใช้แป้งเด็กในปริมาณที่น้อย และหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก หลีกเลี่ยงการสูดดม หลีกเลี่ยงการสูดดมแป้งเด็ก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ใช้หลังอาบน้ำ ทาแป้งเด็กหลังอาบน้ำและเช็ดตัวให้แห้งสนิท หลีกเลี่ยงบริเวณอับชื้น หลีกเลี่ยงการใช้แป้งเด็กในบริเวณอับชื้น เช่น ข้อพับ หรือบริเวณอวัยวะเพศ

การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย จะช่วยปกป้องลูกน้อยจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

Scroll to Top